วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555








บรู๊ซ แบนเนอร์ (เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน) นักวิทยาศาสตร์ที่ใช้ชีวิตอยู่ในเงามืด เอาแต่คิดค้นวิธีเยียวยารักษาอารมย์ ในขณะที่พวกกระหายสงครามไม่ปล่อยให้เขาได้อยู่อย่างสันติ กับ เบตตี้ รอส (ลิฟ ไทเลอร์) หญิงคนรักของเขา ส่วนในโลกที่เต็มไปด้วยแสงสีและความเจริญ ดิ แอ็บโดมิเนชั่น (ทิม ร็อธ) ก็ไล่ล่าคุณหมออัจฉริยะอย่างไม่ลดละ เขานี่แหละคืออสรพิษร้ายตัวฉกาจที่จะต่อกรกับฮัลก์ให้ได้ (โดยใช้อาวุธยุโธปกรณ์จากบริษัท สตาร์ค อินดัสทรี่ ของไอร่อนแมนนั่นเอง)

ศึก ระหว่างคู่อริจากหนังสือการ์ตูนประทุขึ้น เมื่อ บรูซ แบนเนอร์ จำเป็นต้องอาศัยพลังยอดมนุษย์ในตัวเข้าช่วยมหานครนิวยอร์คที่ถูกถล่มแหลกราญ นักวิทยาศาตร์จะต้องจำใจเลือก ว่าจะใช้ชีวิตสงบสุขเป็น บรูซ แบนเนอร์ หรือจะเป็นฮัลก์ ยักษ์เขียวตัวประหลาดไปตลอดกาล
Posted by netdesign On 01:12 No comments READ FULL POST


ดูหนังออนไลน์ The Incredible Hulk มนุษย์ตัวเขียวจอมพลัง [DVD Master]





เขาปกป้องคุณในยามที่คุณถูกอันธพาลข่มเหง ยามคุณถูกคุกคามโดยคนขับรถที่กำลังเดือดดาล ยามคุณถูกทำร้ายโดยโจรที่มาพร้อมกับมีด ณ วินาทีที่เต็มไปด้วยความเครียด และความรุนแรงที่ลุกลาม ใครคนหนึ่งปรากฏกายขึ้น เขาเป็นผู้แก้แค้น ที่อัดแน่นไปด้วยเชื้อเพลิงแห่งความโกรธ และมีความแข็งแกร่งที่ยากจะหาใครทัดเทียม เขาออกมาปราบศัตรู แก้ไขสิ่งผิด สะสางบัญชีแค้น เขาไร้ซึ่งความเสียใจ ไร้ซึ่งผลที่จะเกิดตามมา ไร้ซึ่งความทรงจำ

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าใครคนนั้น... คือคุณเอง

ถ้าพูดกันแบบเบา ๆ นักวิทยาศาสตร์หนุ่ม ดร.บรู๊ซ แบนเนอร์ (อีริค บาน่า) มีปัญหาในเรื่องการควบคุมความโกรธ ชีวิตที่แสนเงียบเหงาของเขา ในฐานะนักค้นคว้าผู้เก่งฉกาจ ที่กำลังทำการค้นคว้าเรื่องเทคโนโลยีการตัดต่อพันธุกรรม ได้ปิดซ่อนอดีตที่แสนเจ็บปวด และเกือบจะถูกลืมเลือนไป เบ็ตตี้ รอสส์ (เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี่) เพื่อนนักค้นคว้าสาว ซึ่งเป็นอดีตแฟนสาวของบรู๊ซ รู้สึกเบื่อหน่ายในความเป็นคนเก็บกดอารมณ์ของเขา และตัดสินใจถอยห่างออกมา เป็นเพียงผู้เฝ้าสังเกตชีวิต ที่แสนเงียบเหงาของบรู๊ซอยู่อย่างสนใจ

นี่คือสิ่งที่เบ็ตตี้ค้นพบ ในระหว่างการทดลองครั้งหนึ่ง ในการค้นคว้าของแบนเนอร์ ความพลั้งเผลอเล็ก ๆ เพียงอย่างเดียว นำไปสู่เหตุการณ์สำคัญ และบรู๊ซต้องทำการตัดสินใจ ในชั่วเศษเสี้ยววินาที แรงกระตุ้นที่หาญกล้าของเขา ได้ช่วยชีวิตหนึ่งเอาไว้ และตัวเขาเองไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ร่างกายของเขา กลับซึมซับรังสีแกมม่าเข้าไปในร่างกายในระดับที่ตามปกติแล้ว น่าจะส่งผลร้ายที่เป็นอันตรายถึงชีวิต

...แต่บางสิ่งกำลังเกิดขึ้น ผลกระทบที่เกิดขึ้น เขามีอาการหน้ามืด ผลกระทบที่คาดไม่ถึงจากการทดลองเริ่มบังเกิด แบนเนอร์เริ่มรู้สึก ถึงบางสิ่งที่อยู่ภายในตัวเขา เป็นคนแปลกหน้าที่เขารู้สึกคุ้นเคย เป็นตัวอันตราย ..แต่มีสิ่งดึงดูดใจ

สิ่งมีชีวิตตัวโต ที่มีความแข็งแกร่งจนแทบไม่น่าเชื่อ ซึ่งกลายมาเป็นที่รู้จักในชื่อ มนุษย์จอมพลัง (The Hulk) ยังคงปรากฏกายเป็นระยะๆ พร้อมกับทิ้งร่องรอยของการทำลายล้าง ไม่ว่าจะเป็นความวุ่นวาย ภายในห้องทดลองของแบนเนอร์ และบ้านของเขาที่กำแพงบ้านพังไม่มีชิ้นดี และนั่นทำให้กองทัพยื่นมือเข้ามาจัดการ ภายใต้การนำทีมของ นายพล ธันเดอร์บอลต์ รอสส์ (แซม เอลเลียตต์) พ่อของเบ็ตตี้ และนักค้นคว้าคู่ปรับ เกลนน์ ทัลบอต (จอช ลูคัส) ความพยาบาทส่วนตัว และความผูกพันในครอบครัว กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญ และเพิ่มทั้งอันตรายและเดิมพัน ในเหตุฉุกเฉินที่ขยายตัวมากขึ้น

เบ็ตตี้ รอสส์ มีทฤษฎีของเธอ เธอรู้ดีว่าบุคคลที่ซุ่มซ่อนตัวอยู่ในอดีตของบรู๊ซ ก็คือพ่อของเขาที่ชื่อ ดร.เดวิด (นิก โนลเต้) เธออาจจะเป็นเพียงคนเดียว ที่เข้าใจถึงสิ่งเชื่อมโยง ระหว่างนักวิทยาศาสตร์และมนุษย์จอมพลัง แต่ความพยายามของเธอ ที่จะยุติการคุกคามของกองทัพ ที่ตั้งใจจะใช้อาวุธทั้งหมดที่มี ในการจับตัวมนุษย์จอมพลัง อาจจะสายเกินไป ...ที่จะช่วยทั้งแบนเนอร์ และมนุษย์จอมพลัง
Posted by netdesign On 01:09 No comments READ FULL POST







เมื่อเป้าหมายการลักพาตัวเพื่อถอดรหัสเซฟที่เก็บเงินล้าน เจสัน สเตแธมจึงออกมาปกป้องเด็กสาวจากการถูกลักพาตัวในครั้งนี้ กำกับโดย โบซ ยากิน มือเขียนบทจาก Prince Of Persia: The Sand Of Time (2010) และในผลงานการกำกับจาก Remember The Titans (2000)

เม (แคทเธอรีน ชาน) เป็นอัจฉริยะคณิตศาสตร์ชาวจีนวัย 10 ขวบ ผู้ถูกลักพาตัวจากบ้านของเธอในนานกิง จากพวกองค์กรมืด เธอถูก ฮาน เจียว (เจมส์ ฮอง) หัวหน้าองค์กรมืดส่งตัวไปอเมริกา ที่ซึ่งเธอจะทำหน้าที่เป็น "เคาน์เตอร์" สำหรับกิจการขู่กรรโชกของพวกเขา ไม่มีทั้งคอมพิวเตอร์ และร่องรอยเอกสาร เธอเก็บตัวเลขทั้งหมดนั้นไว้ในหัวของเธอ หนึ่งปีให้หลัง ชาง (เร็จจี้ ลี) พ่อบุญธรรมคนใหม่ของเธอก็พาเธอมาด้วยเพื่อนับตัวเลข ขณะที่เขาจัดการเรื่องธุรกิจของตัวเอง ลุค ไวรท์ (เจสัน สเตแธม) เป็นนักสู้ชั้นสอง ในแวดวงศิลปะการต่อสู้ผสมผสานในนิวเจอร์ซีย์ เมื่อเขาทำให้แผนการล้มมวยพังพินาศ กลุ่มมาเฟียรัสเซียก็จัดการเชือดไก่ให้ลิงดู ด้วยการสังหารภรรยาของเขาและขู่จะฆ่าทุกคนที่เขาผูกมิตรหรือมีความสัมพันธ์ด้วย ตอนนี้ ลุค ที่เป็นคนบ้านแตก ยากแค้น และแปลกแยกจากคนในสังคม ได้ร่อนเร่ไปตามท้องถนนในนิวยอร์คราวกับวิญญาณ ที่ก้าวสู่ขอบเหวของการฆ่าตัวตาย
Posted by netdesign On 01:07 No comments READ FULL POST






Letters From Iwo Jima (จดหมายจากอิโวจิมายุทธภูมิสู้แค่ตาย) 2006
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : Letters from Iwo Jima

ชื่อภาษาไทย : จดหมายจากอิโวจิมา ยุทธภูมิสู้แค่ตาย

ผู้สร้าง : Clint Eastwood , Paul Haggis , Steven Spielberg , Robert Lorenz

ผู้กำกำกับ : Clint Eastwood

ผู้เขียนบท : Iris Yamashita , Paul Haggis

ผู้แสดง : Ken Watanabe , Kazunari Ninomiya , Tsuyoshi Ihara , Ryo Kase , 
Shidou Nakamura
Letters from Iwo Jima เมื่อฝรั่งสร้างหนังญี่ปุ่นได้น่าประทับใจ
เป็นเรื่องปกติที่ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์สงครามแต่ละเรื่อง โดยเฉพาะแนวแอคชั่นของฮอลลีวู้ด ที่จะถูกสงสัยว่าได้ให้ความเป็นธรรมกับประเทศคู่สงครามเพียงใด เมื่อ Clint Eastwood ได้สร้างเรื่อง Flags of our Fathers ของหนังสือชื่อเดียวกันของ James Bradley นั้น ภาพยนตร์ได้ออกมาในแนวดรามา หรือชีวิตความยากลำบากของฝ่ายอเมริกันในสงครามที่เกาะอิโวจิมา ที่จริงก็ไม่ได้กล่าวถึงฝ่ายญี่ปุ่นในทางที่ไม่เป็นธรรมแต่อย่างใด แม้กระนั้น ด้วยความใจกว้างของคุณปู่คลินท์เอง ความแปลกประหลาดของวงการฮอลลีวู้ดก็บังเกิดขึ้น เมื่อพระเอกฝรั่งรุ่นปู่ท่านนี้ได้วางโปรเจคท์สร้างภาพยนตร์สงครามอีกเรื่องขึ้นมาควบคู่กับ Flags of our Fathers เป็นเรื่องเกี่ยวกับยุทธภูมิที่อิโวจิมาเช่นกัน ในมุมมองของทางฝ่ายญี่ปุ่น ใช้ดาราญี่ปุ่น และพูดภาษาญี่ปุ่นตลอดทั้งเรื่อง แม้แต่ในฉบับ DVD ก็มีแต่ Soundtrack ภาษาญี่ปุ่น ใครอยากดูรู้เรื่องก็ต้องเลือกซับไตเติลภาษาของตัวเองเอา เรียกได้ว่าถ้าพวกมนุษย์ตกข่าวหลังเขามาดูเข้าต้องนึกว่าเป็นหนังญี่ปุ่นแท้ๆ เอาเลย (แต่ในวีซีดีมีพาย์ไทยนะครับ) นั่นคือเรื่อง Letters from Iwo Jima ที่เราจะมาคุยกันในวันนี้
เรื่องเริ่มฉากแรกในปี 2005 (พ.ศ.2548) เมื่อคณะนักโบราณคดีญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งเข้ามาสำรวจถ้ำในเขาแห่งหนึ่งบนเกาะ Iwo Jima ที่ซึ่งทหารญี่ปุ่นเคยใช้เป็นฐานในการต่อสู้กับทหารอเมริกันในสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อคณะสำรวจพบสิ่งผิดปกติที่พื้นถ้ำบริเวณหนึ่งและพยายามจะขุด หนังก็ย้อนกระโดดกลับไปยังช่วงปี 1944 (พ.ศ.2487) Saigo พลทหารญี่ปุ่นหน้าเด็กรายหนึ่ง ทราบภายหลังว่าเป็นคนทำขนมปังที่ถูกเกณฑ์มารบ กำลังขุดสนามเพลาะบนชายหาดของเกาะอิโวจิมา ระหว่างที่ขุดอยู่นั้นก็แอบบ่นไปต่างๆ นานา แต่ก็ไม่รอดพ้นจากการได้ยินของผู้กอง Tanida ไปได้ ขณะนั้นพอดีจังหวะที่นายพลโทคูริบายาชิ (Lieutenant General Tadamichi Kuribayashi) เดินทางมารับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบนเกาะ และเดินสำรวจเกาะกับคณะนายทหารจนมาพบผู้กองทานิดะกำลังใช้ไม้เฆี่ยนตีซาอิโกะกับเพื่อนอยู่พอดี จึงสั่งห้ามและให้ผู้กองลงโทษวิธีอื่นแทน และสั่งยกเลิกการขุดสนามเพลาะชายหาดโดยสิ้นเชิง

นายพลคูริบายาชิ กับ พันโทนิชิ ก่อนเกาะอิโวจิมาถูกโจมตี

การมาของนายพลคูริบายาชิ สร้างความประทับใจให้กับซาอิโกะอย่างมาก แต่กับนายทหารที่จะต้องทำงานด้วยกันแล้ว ได้เกิดความขัดแย้งกับท่านนายพลเรื่องแนวคิดในการป้องกันเกาะ ซึ่งนายทหารส่วนใหญ่เห็นว่าควรสร้างแนวป้องกันที่ชายหาดเพื่อสกัดการบุกของทหารอเมริกันตั้งแต่แรก แต่นายพลคูริบายาชิซึ่งเคยศึกษาอยู่ที่สหรัฐอเมริกา เห็นว่าแสนยานุภาพของฝ่ายอเมริกันน่าจะมีมากพอที่จะทำลายแนวป้องกันของญี่ปุ่นได้ในเวลาอันสั้น และฝ่ายญี่ปุ่นจะไม่มีกองเรือรบมาสนับสนุนตามที่หน่วยเหนือสัญญาเนื่องจากสูญเสียไปแล้วจากการรบครั้งก่อนๆ ท่านนายพลจึงสั่งให้ทหารขุดอุโมงค์ในภูเขาซึ่งจะต้านทานการโจมตีได้ดีกว่าสนามเพลาะที่ชายหาด บรรดานายทหารต้องทำตามอย่างเสียไม่ได้ ยังดีที่ความขัดแย้งนี้ไม่ได้บานปลายจนเป็นอุปสรรคกับการทำงาน ระหว่างเตรียมการตั้งรับนี้มีการเปิดตัวละครสำคัญอีกสองตัว คือ พันโทนิชิ (Lieutenant Colonel Takeichi Nishi) ผู้บังคับการหน่วยรถถังที่ปราศจากอะไหล่จนต้องเอามาตั้งวางเหมือนป้อมปืนขนาดย่อม กับชิมิสึ ทหารใหม่ในกองร้อยของซาอิโกะ อดีตทหารในหน่วย Kempeitai (ขอเรียกง่ายๆ ว่า "สารวัตรทหาร" ก็แล้วกันครับ แม้ว่าในรายละเอียดทหารหน่วยนี้อาจมีอะไรต่างจากสารวัตรทหารที่เราคุ้นเคยบ้างก็ตาม) ที่ถูกปลดเพราะขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ผู้พันนิชิเป็นทั้งนักเรียนนอกและอดีตนักกีฬาขี่ม้าข้ามเครื่องกีดขวางระดับเหรียญทองโอลิมปิคปี 1932 (พ.ศ.2478) ที่มาเป็นคู่คิดของท่านนายพลคูริบายาชิ (แต่ในวิกิบอกว่าในประวัติศาสตร์ทั้งสองไม่ค่อยถูกกัน) ส่วนชิมิสึความที่เป็นอดีตสารวัตรทหาร และบุคลิกที่เงียบขรึม ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ทำให้ถูกระแวงว่าเป็นสายของหน่วยเหนือ

ชิมิสึ (ซ้าย) กับ ซาอิโกะ (ขวา) ขณะนั่งพักในอุโมงค์

หลังจากนั้นไม่นาน กองทัพสหรัฐฯ ก็เริ่มโจมตีอิโวจิมาทางอากาศ ทำให้บรรดาทหารญี่ปุ่นต้องหมกตัวกันอยู่แต่ในถ้ำและอุโมงค์ที่สร้างขึ้นมา ไม่กี่วันถัดมาก็เริ่มการยกพลขึ้นบก (ตามประวัติศาสตร์คือวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1945/พ.ศ.2488) รบกันจนถึงวันที่ 26 มีนาคม) นายพลคูริบายาชิสั่งให้ทหารรอจนทหารอเมริกันขึ้นมาเต็มชายหาดจึงเริ่มเปิดฉากการยิง หลังจากปะทะกันดุเดือด สิ่งที่ท่านนายพลคาดการณ์ไว้ไม่ผิด คือบรรดารังปืนกลที่พวกนายทหารขอต่อรองสร้างไว้ตามชายหาดบ้างถูกทหารอเมริกันกวาดล้างไปได้ในเวลาไม่นาน ส่วนกองกำลังที่ขุดอุโมงค์ในเขาซูริบาชิสามารถต้านทานข้าศึกได้นานกว่า แต่ในที่สุดด้วยกำลังพลและกระสุนปืนที่ร่อยหรอ พันเอกอาดาชิผู้บัญชาการกองกำลังที่เขาซูริบาชิได้ตัดสินใจสั่งให้ทหารสละชีพโดยไม่สนใจคำสั่งนายพลคูริบายชิที่ให้ถอนกำลังไปช่วยป้องกันที่มั่นอื่นทางเหนือ กองร้อยของผู้กองทานิดะพากันฆ่าตัวตายด้วยลูกระเบิดอย่างสยดสยอง เหลือแต่ซาอิโกะกับชิมิสึ ที่มีการถกเถียงกันเล็กน้อยก่อนจะพากันหนีไปสมทบกับกองร้อยของผู้กองอิโตะ เรื่องต่อจากนี้ขออนุญาตไม่เล่าละเอียดนะครับ ขอให้ชมจากภาพยนตร์เอาเอง โดยสรุปคือ ฝ่ายญี่ปุ่นสามารถต้านทานทหารสหรัฐฯ ไว้ได้ระยะหนึ่ง ก็ต้องประสบความพ่ายแพ้ ผู้พันนิชิได้รับบาดเจ็บจนตาบอดและฆ่าตัวตายในเวลาต่อมา ผู้กองอิโตะพยายามนำทุ่นระเบิดไปดักทำลายรถถัง แต่ไม่สำเร็จและถูกจับเป็นเชลย ชิมิสึหนีไปยอมจำนนกับทหารอเมริกันในคืนหนึ่ง แต่ถูกทหารที่เฝ้ายิงเสียชีวิต นายพลคูริบายาชินำกำลังทหารที่พอมีเหลือเข้าปะทะข้าศึกแบบพลีชีพจนตายกันทั้งหมด ส่วนซาอิโกะรอดตายเนื่องจากท่านนายพลหลอกใช้ให้ทำหน้าที่ทำลายเอกสารในขณะที่ท่านนำทหารออกรบ โดยซาอิโกะไม่ได้ทำลายจริงๆ เพียงแต่นำเอกสารและจดหมายที่ทุกคนเขียนไว้ไปฝังที่พื้นในอุโมงค์แห่งหนึ่ง และต่อมาได้ถูกจับเป็นเชลย แล้วภาพยนตร์ก็ตัดกลับมาปี 2005 ที่นักโบราณคดีขุดพบเอกสารและจดหมายของบรรดาทหารที่ซาอิโกะฝังไว้นั่นเอง

การดำเนินเรื่องของ Letters from Iwo Jima เข้าใจง่ายกว่า Flags of our Fathers และดูมีรสมีชาติกว่า สงครามโหดโอกินาวา ของบริษัทโตโฮที่เคยนำเสนอมาแล้ว แนวคิดหลักของเรื่องนี้คือปัญหาความขัดแย้งระหว่างอุดมการณ์การต่อสู้จนตัวตาย ที่ตัวละครทหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยึดถือ กับปัญหาความเป็นมนุษย์ ดังเช่นความรักตัวกลัวตายเยี่ยงปุถุชนของซาอิโกะและชิมิสึ กับความเป็นผู้นำทางทหารของผู้บัญชาการที่เป็นนักเรียนนอกอย่างนายพลคูริบายาชิ และพันโทนิชิ ซึ่งความจริงไม่ได้ปฏิเสธการสละชีพโดยสิ้นเชิง แต่ได้คำนึงถึงความเป็นมนุษย์และหลักทางยุทธวิธีด้วย จะเห็นได้จากการที่ท่านนายพลช่วยซาอิโกะจากการลงโทษอย่างดุดันของผู้กองทานิดะ และผู้กองอิโตะ การออกคำสั่งให้ทหารที่รอดจากเขาซูริบาชิถอนกำลังไปช่วยป้องกันที่มั่นอื่นแทนการสละชีพ (ซึ่งถูกปฏิเสธในที่สุด) การที่ผู้พันนิชินำเชลยศึกอเมริกันชื่อแซมเข้ามารักษาในถ้ำและพูดคุยอย่างเป็นมิตร แต่ก็ไม่สามารถรักษาชีวิตแซมไว้ได้ และท้ายที่สุดนายทหารทั้งสองก็ต้องสละชีวิตของตนเช่นกัน ส่วนรายที่จะว่าน่าสงสารหรือน่าสมเพชก็แล้วแต่มุมมองคือกรณีที่ผู้กองอิโตะ อุตส่าลงทุนเอาทุ่นระเบิดติดตัว เอาเลือดทหารมาทาหน้าตาเพื่อแกล้งทำเป็นตาย แล้วหวังจะให้รถถังข้าศึกมาทับแล้วระเบิดตายไปด้วยกัน จนแล้วจนรอดก็ไม่มีรถถังอเมริกันคันไหนซุ่มซ่ามมาทับ สุดท้ายต้องเซ็งกับการมีชีวิตต่อในฐานะเชลย คล้ายผู้เขียนจะบอกว่าอุดมการณ์พลีชีพนี้มันขัดกับความเป็นจริงของชีวิตที่บางทีกำหนดอะไรไม่ได้ เช่นอยากตายก็ไม่ได้ตายถ้ายังไม่ถึงเวลา
Posted by netdesign On 01:04 No comments READ FULL POST







รายละเอียดเรื่องย่อ/Synopsis 
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในดินแดนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ... หลังจากพระราชาสิ้นพระชนม์ ราชินี.(จูเลีย โรเบิร์ตส).ต้องการที่จะช่วงชิงอำนาจมาจาก เจ้าหญิงสโนว์ไวท์.(ลิลลี่ คอลลินส์).ลูกเลี้ยงของเธอ ด้วยการเนรเทศออกไปอยู่นอกอาณาจักร สโนว์ไวท์ ต้องออกผจญภัยและ.ท่องไปในดินแดนที่ไม่เคยสัมผัส จนในที่สุดเธอก็ได้รับความช่วยเหลือจาก เจ้าชายแอนดรูว์.(อาร์มี แฮมเมอร์).และ.คนแคระทั้งเจ็ด ในการที่จะช่วงชิงอาณาจักรกลับคืนมา... 

เตรียมพบกับการผจญภัยที่เปี่ยมไปด้วยจินตนาการที่ไม่สิ้นสุด และ.แนวทางที่คุณจะไม่เคยเห็นในหนังเทพนิยายมาก่อนพบกับการผจญภัยของ สโนว์ไวท์ ในดินแดนหิมะ ใน Mirror Mirror จากวิสัยทัศน์ที่ล้ำเหนือจินตนาการของ ทาร์เซ็ม ซิงค์ ผู้กำกับ Immortals นำแสดงโดยซุปเปอร์สตาร์ตลอดกาล จูเลีย โรเบิร์ตส ในบท ราชินีใจร้าย, อาร์มี แฮมเมอร์ จาก ThefSocial Network ในบทเจ้าชายหนุ่มรูปงาม และ.ลิลลี่ คอลลินส์ นักแสดงสาวที่มีผลงานการแสดงใน Abduction และ.ThefBlind Side ในบท สโนว์ไวท์
Posted by netdesign On 01:01 No comments READ FULL POST

เมื่อคุณเพิ่มเส้นแนวโน้มในแผนภูมิ, Excel ให้เลือกที่จะแสดงสมการเส้นแนวโน้มในแผนภูมิ ทิปนี้จะอธิบายถึงวิธีการสร้างสูตรที่สร้างค่าสัมประสิทธิ์เส้นแนวโน้ม จากนั้นคุณสามารถใช้สูตรเหล่านี้ในการคำนวณค่า y ที่คาดการณ์ไว้สำหรับให้ค่าของ x
สมการเหล่านี้สมมติว่าแผ่นของคุณมีสองช่วงที่มีชื่อ: x และ y


Linear Trendline


  Equation: y = m * x + b
m: =SLOPE(y,x)
b: =INTERCEPT(y,x)

Logarithmic Trendline

  Equation: y = (c * LN(x)) + b
c: =INDEX(LINEST(y,LN(x)),1)
b: =INDEX(LINEST(y,LN(x)),1,2)

Power Trendline

  Equation: y=c*x^b
c: =EXP(INDEX(LINEST(LN(y),LN(x),,),1,2))
b: =INDEX(LINEST(LN(y),LN(x),,),1)

Exponential Trendline

  Equation: y = c *e ^(b * x)
c: =EXP(INDEX(LINEST(LN(y),x),1,2))
b: =INDEX(LINEST(LN(y),x),1)

2nd Order Polynomial Trendline

  Equation: y = (c2 * x^2) + (c1 * x ^1) + b
c2: =INDEX(LINEST(y,x^{1,2}),1)
C1: =INDEX(LINEST(y,x^{1,2}),1,2)
b = =INDEX(LINEST(y,x^{1,2}),1,3)

3rd Order Polynomial Trendline

  Equation: y = (c3 * x^3) + (c2 * x^2) + (c1 * x^1) + b
c3: =INDEX(LINEST(y,x^{1,2,3}),1)
c2: =INDEX(LINEST(y,x^{1,2,3}),1,2)
C1: =INDEX(LINEST(y,x^{1,2,3}),1,3)
b: =INDEX(LINEST(y,x^{1,2,3}),1,4)

ขอให้สังเกตรูปแบบในสองชุดก่อนหน้านี้ของสูตร 
Posted by netdesign On 00:49 1 comment READ FULL POST
ถ้าคุณอ่านกลุ่มข่าวสาร Excel, คุณอาจรู้สึกว่าหนึ่งในคำถามที่พบบ่อยที่สุดเกี่ยวกับการสรุปหรือการนับโดยใช้เก​​ณฑ์หลาย ถ้าข้อมูลของคุณถูกตั้งค่าเป็นตารางฐานข้อมูลที่คุณสามารถใช้ฟังก์ชั่นฐานข้อมูลเช่น DCount หรือ DSUM ฟังก์ชั่นเหล่านี้ แต่ต้องใช้ของที่มีคุณภาพและเกณฑ์การแยกจากกันบนแผ่นงานของคุณ
เคล็ดลับนี้ให้จำนวนของตัวอย่างที่จะแก้ปัญหาส่วนใหญ่ของการนับและข้อสรุปของคุณ ซึ่งแตกต่างจาก DCount และ DSUM สูตรเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องมีช่วงเกณฑ์
สูตรตัวอย่างที่นำเสนอในปลายนี้ใช้ตารางฐานข้อมูลอย่างง่ายที่แสดงด้านล่าง คุณจะต้องปรับสูตรไปยังบัญชีสำหรับข้อมูลของคุณเอง
http://spreadsheetpage.com/graphics/tips/table.gif (5,737 ไบต์)

ผลรวมของยอดขายเดือนที่ = "แจน"

นี่คือการใช้ตรงไปตรงมาของฟังก์ชัน SUMIF (จะใช้เก​​ณฑ์เดียว):
  = SUMIF (A2: A10, "แจน", C2: C10) 

นับจากยอดขายเดือนที่ = "แจน"

นี่คือการใช้ตรงไปตรงมาของฟังก์ชัน COUNTIF (เดี่ยวเกณฑ์):
  = COUNTIF (A2: A10, "แจน") 

ผลรวมของยอดขายที่เดือน <> "แจน"

ควบคุมการใช้งานที่เรียบง่ายของ SUMIF (เกณฑ์เดียว):
  = SUMIF (A2: A10, "<> แจน", C2: C10) 

ผลรวมของยอดขายที่เดือน = "แจน" หรือ "กุมภาพันธ์"

สำหรับหลาย ๆ หรือเงื่อนไขในเขตข้อมูลเดียวกันให้ใช้ฟังก์ชั่นหลาย SUMIF:
  = SUMIF (A2: A10, "แจน", C2: C10) + SUMIF (A2: A10, "กุมภาพันธ์", C2: C10) 

ผลรวมของยอดขายที่เดือน = "แจน" ภาคและ = "นอร์ท"

สำหรับหลายเกณฑ์ในสาขาที่แตกต่างกันฟังก์ชัน SUMIF ไม่ทำงาน อย่างไรก็ตามคุณสามารถใช้สูตรอาร์เรย์ เมื่อคุณใส่สูตรนี้ให้ใช้ Ctrl + Shift + Enter:
  = SUM ((A2: A10 = "แจน") * (B2: B10 = "นอร์ท") * C2: C10) 

ผลรวมของยอดขายที่เดือน = "แจน" และเขต <> "นอร์ท"

ต้องใช้สูตรอาร์เรย์ที่คล้ายกับสูตรที่ก่อนหน้านี้ เมื่อคุณใส่สูตรนี้ให้ใช้ Ctrl + Shift + Enter:
  = SUM ((A2: A10 = "แจน") * (B2: B10 <> "นอร์ท") * C2: C10) 

นับจากยอดขายที่เดือน = "แจน" ภาคและ = "นอร์ท"

สำหรับหลายเกณฑ์ในสาขาที่แตกต่างกันฟังก์ชัน COUNTIF ไม่ทำงาน อย่างไรก็ตามคุณสามารถใช้สูตรอาร์เรย์ เมื่อคุณใส่สูตรนี้ให้ใช้ Ctrl + Shift + Enter:
  = SUM ((A2: A10 = "แจน") * (B2: B10 = "นอร์ท")) 

ผลรวมของยอดขายเดือนที่ = "แจน" และการขาย> = 200

ต้องใช้สูตรอาร์เรย์ที่คล้ายกับตัวอย่างก่อนหน้านี้ เมื่อคุณใส่สูตรนี้ให้ใช้ Ctrl + Shift + Enter:
  = SUM ((A2: A10 = "แจน") * (C2: C10> = 200) * (C2: C10)) 

ผลรวมของยอดขายระหว่าง 300 และ 400

นอกจากนี้ยังต้องใช้สูตรอาร์เรย์ เมื่อคุณใส่สูตรนี้ให้ใช้ Ctrl + Shift + Enter:
  = SUM ((C2: C10> = 300) * (C2: C10 <= 400) * (C2: C10)) 

นับจากการขายระหว่าง 300 และ 400

นอกจากนี้ยังต้องใช้สูตรอาร์เรย์ เมื่อคุณใส่สูตรนี้ให้ใช้ Ctrl + Shift + Enter:
  = SUM ((C2: C10> = 300) * (C2: C10 <= 400)) 
Posted by netdesign On 00:41 No comments READ FULL POST

ผู้ใช้ Excel ส่วนใหญ่ทราบถึงวิธีการตั้งชื่อเซลล์และช่วง การใช้เซลล์ที่มีชื่อและช่วงสามารถทำให้สูตรของคุณอ่านได้มากขึ้นและน้อยคว่ำข้อผิดพลาด ผู้ใช้ส่วนใหญ่ แต่ไม่ทราบว่า Excel ช่วยให้คุณระบุชื่อสำหรับประเภทอื่น ๆ ของรายการ เอกสารนี้จะอธิบายเทคนิคการตั้งชื่อบางส่วนที่มีประโยชน์ที่คุณอาจไม่ทราบ

การตั้งชื่อค่าคงที่

ถ้าสูตรในแผ่นงานของคุณใช้ค่าคงที่ (เช่นอัตราดอกเบี้ย), กระบวนงานที่ร่วมกันคือการใส่ค่าคงที่สำหรับลงในเซลล์ จากนั้นถ้าคุณได้ให้ชื่อไปยังเซลล์ (เช่น InterestRate), คุณสามารถใช้ชื่อในสูตรของคุณ นี่คือวิธีการสร้างค่าคงที่ที่มีชื่อที่ไม่ปรากฏอยู่ในเซลล์:
  1. เลือกฉัน nsert N AME คำสั่ง D efine เพื่อแสดงกล่องโต้ตอบกำหนดชื่อ
  2. ป้อนชื่อ (เช่น InterestRate) ในชื่อที่มีป้ายชื่อเขตข้อมูลในสมุดงาน
  3. ป้อนค่าสำหรับชื่อในการอ้างอิงถึงเขต (เขตนี้ได้ตามปกติถือสูตร) ตัวอย่างเช่นคุณสามารถป้อน = .075
  4. คลิกที่ OK
ลองมันออกโดยการใส่ชื่อลงในเซลล์ (นำหน้าด้วยเครื่องหมายเท่ากับ) ตัวอย่างเช่นถ้าคุณกำหนดชื่อเรียกว่า InterestRate ป้อนต่อไปนี้ลงในเซลล์:
 =InterestRate
 
สูตรนี้จะกลับค่าคงที่ที่คุณกำหนดไว้สำหรับชื่อ InterestRate และค่านี้จะไม่ปรากฏในเซลล์ใด ๆ

ชื่อที่มีชื่อจริงสูตร

ที่นี่วิธีการมองที่ชื่อของผู้อื่น เมื่อใดก็ตามที่คุณสร้างชื่อ, Excel จริงสร้างชื่อให้กับสูตร ตัวอย่างเช่นถ้าคุณได้ให้ชื่อ (เช่นเงิน) ไปยังเซลล์ D4, Excel จะสร้างชื่อให้กับสูตรนี้:
 =$D$4
 
คุณสามารถใช้กำหนดชื่อกล่องโต้ตอบและแก้ไขสูตรสำหรับชื่อ และคุณสามารถใช้ทั้งหมดของผู้ประกอบการมาตรฐานและฟังก์ชันแผ่นงาน ลองนี้:
  1. สร้างชื่อให้กับเซลล์ D4 เรียกว่าเงิน
  2. ใส่จำนวน = ลงในเซลล์ใด ๆ เซลล์จะแสดงค่าในเซลล์ D4
  3. ใช้ชื่อในการแทรกคำสั่งกำหนดและแก้ไขหมายถึงเขตข้อมูลดังนั้นจึงปรากฏเป็น = $ D $ 4 * 2
คุณจะพบว่าการป้อนจำนวน = ในขณะนี้แสดงค่าในเซลล์ D4 คูณด้วย 2

โดยใช้การอ้างอิงแบบสัมพัทธ์

เมื่อคุณสร้างชื่อให้กับเซลล์หรือช่วงโปรแกรม Excel มักจะใช้การอ้างอิงเซลล์แบบสัมบูรณ์สำหรับช่วง ตัวอย่างเช่นถ้าคุณได้ให้ชื่อเดือนในช่วง A1: A12, Excel ร่วม $ A $ 1: $ A $ 12 (อ้างอิงแบบสัมบูรณ์) กับเดือนก่อนชื่อ คุณสามารถแทนที่การอ้างอิงแบบสัมบูรณ์สำหรับชื่อและป้อนการอ้างอิงแบบสัมพัทธ์ เมื่อต้องการดูวิธีการทำงานนี้ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อสร้างชื่อญาติที่เรียกว่า CellBelow
  1. เลือกเซลล์ A1
  2. เลือกฉัน nsert N AME คำสั่ง D efine เพื่อแสดงกล่องโต้ตอบกำหนดชื่อ
  3. ป้อน CellBelow ชื่อในรายชื่อที่ระบุเขตข้อมูลในสมุดงาน
  4. แทนค่าในการอ้างอิงถึงเขตข้อมูลที่มี = A2 (นี้คือการอ้างอิงแบบสัมพัทธ์)
  5. คลิกที่ OK
ลองมันออกโดยการป้อนสูตรต่อไปนี้ลงในเซลล์ใด ๆ :
  = CellBelow 
คุณจะพบว่าสูตรนี้เสมอกลับเนื้อหาของเซลล์โดยตรงด้านล่าง
หมายเหตุ: สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจว่าสูตรที่คุณใส่ในขั้นตอนที่ 4 ข้างต้นขึ้นอยู่กับเซลล์ที่ใช้งาน ตั้งแต่เซลล์ A1 คือเซลล์ที่ใช้งาน, = A2 เป็นสูตรที่ส่งกลับเซลล์ด้านล่าง ถ้าเช่นเซลล์ C6 คือเซลล์ที่ใช้งานเมื่อคุณสร้างชื่อที่คุณจะใส่ = C7 ในขั้นตอนที่ 4

โดยใช้การอ้างอิงแบบผสม

คุณสามารถใช้อ้างอิง "ผสม" สำหรับคุณตั้งชื่อ นี่เป็นตัวอย่างการปฏิบัติของวิธีการสร้างชื่อที่ใช้อ้างอิงผสมกัน ชื่อนี้ SumAbove เป็นสูตรที่ส่งกลับผลรวมของค่าทั้งหมดเหนือเซลล์
  1. เปิดใช้งานเซลล์ A3
  2. เลือกฉัน nsert N AME คำสั่ง D efine เพื่อแสดงกล่องโต้ตอบกำหนดชื่อ
  3. ในการชื่อในสมุดฟิลด์ป้อน SumAbove
  4. ในการอ้างอิงถึงเขตข้อมูลให้ใส่ = SUM ($ 1: A2)
ขอให้สังเกตว่าสูตรในขั้นที่ 3 คือการอ้างอิงแบบผสม (ส่วนหนึ่งแถวเป็นแน่นอน แต่ส่วนคอลัมน์ที่เป็นญาติ) ลองมันออกโดยการป้อน SumAbove = ลงในเซลล์ใด ๆ คุณจะพบว่าสูตรนี้จะส่งกลับผลรวมของทุกเซลล์ในคอลัมน์จากแถวที่ 1 แถวด้านบนเซลล์โดยตรง
Posted by netdesign On 00:39 No comments READ FULL POST

ถ้าคุณนำเข้าข้อมูลที่คุณอาจพบค่าของเวลาที่เก็บเป็น Unix timestamps เวลา Unix ถูกกำหนดให้เป็นจำนวนวินาทีนับตั้งแต่เที่ยงคืน (เวลา GMT) วันที่ 1 มกราคม 1970 - ที่รู้จักกันว่ายุค Unix
ตัวอย่างเช่นที่นี่เวลา Unix สำหรับ 4 สิงหาคม 2008 เวลา 10:19:08 (GMT):
  1217888348 
เมื่อต้องการสร้างสูตร Excel ในการแปลงประทับ Unix เพื่อข้อมูลที่อ่านได้และเวลาที่เริ่มต้นด้วยการแปลงวินาทีไปวัน สูตรนี้อนุมานว่าเวลาประทับอยู่ในเซลล์ A1:
  = (((A1/60) / 60) / 24) 
จากนั้นคุณต้องเพิ่มผลให้ค่าวันที่สำหรับ 1 มกราคม 1970 สูตรปรับปรุงคือ:
  = (((A1/60) / 60) / 24) วันที่ + (1970,1,1) 
สุดท้ายคุณก็จำเป็นต้องปรับสูตรสำหรับชดเชย GMT ตัวอย่างเช่นถ้าคุณอยู่ในนิวยอร์ก GMT offset เป็น -5 ดังนั้นสูตรสุดท้ายคือ:
  = (((A1/60) / 60) / 24) วันที่ + (1970,1,1) + (-5/24) 
สูตร (แต่น้อยมากที่ชัดเจน) ง่ายที่ส่งกลับผลลัพธ์เดียวกันคือ:
  = (A1/86400) +25569 + (-5/24) 
ทั้งสองสูตรเหล่านี้กลับวันที่ / เวลาหมายเลขดังนั้นคุณจำเป็นต้องใช้รูปแบบตัวเลขที่จะให้มันสามารถอ่านได้เป็นวันที่และเวลา 
Posted by netdesign On 00:37 No comments READ FULL POST

อีสเตอร์เป็นหนึ่งในวันหยุดพักผ่อนที่ยากที่สุดในการคำนวณ หลายปีมาแล้วที่เว็บไซต์มีการประกวดเพื่อดูว่าใครจะมาด้วยสูตรที่ดีที่สุดในการคำนวณวันที่ของวันอีสเตอร์สำหรับปีใด ๆ นี่คือหนึ่งในสูตรการแสดงความคิดเห็น (จะอนุมานว่าเซลล์ที่ A1 มีปี):
  
=DOLLAR(("4/"&A1)/7+MOD(19*MOD(A1,19)-7,30)*14%,)*7-6
เพียงเพื่อความสนุกผมคำนวณวันที่ของวันอีสเตอร์สำหรับ 300 ปีจาก 1900 ผ่าน 2199 แล้วฉันจะสร้างตารางเดือยและการจัดกลุ่มวันที่ตามวัน และแล้วกราฟเดือย:
ในระหว่างนี้ระยะเวลา 300 ปี, วันที่พบบ่อยที่สุดสำหรับอีสเตอร์เป็น 31 มีนาคม (มันเกิดขึ้น 13 ครั้งเกี่ยวกับข้อมูลที่) ร่วมกันอย่างน้อยคือ 24 มีนาคม (เพียงหนึ่งเกิดขึ้น) ฉันยังได้เรียนรู้ว่าครั้งต่อไปวันอีสเตอร์ตรงกับวัน April Fool 's จะอยู่ใน 2018 
Posted by netdesign On 00:36 No comments READ FULL POST

 ไฟล์สหายสามารถใช้ได้: คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลด
หลายเหตุการณ์ที่กำหนดไว้สำหรับการเกิดขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันภายในเดือน ตัวอย่างเช่นอาจจะ payday วันศุกร์สุดท้ายของทุกเดือน หรือที่ประชุมอาจจะมีการกำหนดไว้สำหรับทุกวินาทีจันทร์ของเดือน
Excel ไม่ได้มีฟังก์ชันที่สามารถคำนวณประเภทนี้วัน แต่ก็เป็นไปได้ในการสร้างสูตร ในภาพด้านล่างสูตรในเซลล์ D4 คำนวณวันที่อยู่กับพารามิเตอร์ในคอลัมน์ C. สูตรใน D4 คือ:
 =DATE(C3,C4,1+((C6-(C5>=WEEKDAY(DATE(C3,C4,1))))*7)+(C5-WEEKDAY(DATE(C3,C4,1))))
สูตรนี้ไม่ถูกต้องเสมอ แต่ ถ้าคุณระบุจำนวนวันที่ไม่อยู่ (เช่น 6 วันศุกร์) ก็จะส่งกลับวันที่ในเดือนถัดไป
D6 เซลล์ที่มีสูตรการปรับเปลี่ยนที่จะแสดง "(ไม่มี)" ถ้าวันที่ไม่ได้อยู่ในเดือนที่ระบุไว้ สูตรนี้เป็นอย่างมากอีกต่อไป:
 =IF(MONTH(DATE(C3,C4,1+((C6-(C5>=WEEKDAY(DATE(C3,C4,1))))*7)+
(C5-WEEKDAY(DATE(C3,C4,1)))))<>C4,"(none)",DATE(C3,C4,1+
((C6-(C5>=WEEKDAY(DATE(C3,C4,1))))*7)+(C5-WEEKDAY(DATE(C3,C4,1)))))
 
ในบางกรณีคุณอาจจำเป็นต้องตรวจสอบเกิดขึ้นครั้งล่าสุดของวันในเดือนใด การคำนวณนี้ต้องใช้สูตรที่แตกต่างกัน (ดูรูปด้านล่าง):
 =DATE(C9,C10+1,1)-1+IF(C11>WEEKDAY(DATE(C9,C10+1,1)-1),
C11-WEEKDAY(DATE(C9,C10+1,1)-1)-7,C11-WEEKDAY(DATE(C9,C10+1,1)-1))
 
ในภาพนี้สูตรในเซลล์ D10 จะแสดงวันที่ของวันศุกร์ในเดือนมีนาคม 2008
ดาวน์โหลดไฟล์สำหรับเคล็ดลับนี้มีตัวอย่างที่มีง่ายต่อการใช้อินเตอร์เฟซอื่น ผู้ใช้สามารถเลือกค่าพารามิเตอร์จากรายการแบบหล่นลง megaformula ในคอลัมน์วันที่จากการคำนวณมีความซับซ้อนมากเพราะต้องคำแอบแฝงเป็นค่า
Posted by netdesign On 00:33 No comments READ FULL POST

ที่นี่ฟังก์ชัน VBA ที่อาจเป็นประโยชน์ในบางสถานการณ์ที่คล้ายกัน
ฟังก์ชั่น ExactWordInString ส่งกลับ True ถ้าคำที่ระบุอยู่ในสตริงข้อความ
คุณอาจจะคิดว่าฟังก์ชั่นนี้เป็นเพียงรูปแบบใน Excel ของฟังก์ชัน FIND หรือฟังก์ชัน Instr VBA ของ มีความแตกต่างที่ลึกซึ้งมาก ฟังก์ชั่น ExactWordInString จะมองหาคำที่สมบูรณ์ - ไม่ข้อความที่อาจเป็นส่วนหนึ่งของคำที่แตกต่างกัน
ตัวอย่างในรูปที่ประกอบควรชี้แจงว่าฟังก์ชันนี้จะทำงานได้ เซลล์ C2 มีสูตรนี้ซึ่งถูกคัดลอกไปยังเซลล์ที่อยู่ด้านล่าง:
  = ExactWordInString (A2, B2) 
ฟังก์ชั่นระบุคำที่สมบูรณ์ติดอยู่ แต่ไม่ได้กับดักคำซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการติดกับดัก นอกจากนี้ทราบว่าพื้นที่ไม่จำเป็นต้องใช้หลังคำเพื่อระบุว่ามันเป็นคำที่ ตัวอย่างเช่นคำที่สามารถตามด้วยเครื่องหมายวรรคตอน
ฟังก์ชั่นที่ระบุไว้ด้านล่างที่ถูกปรับเปลี่ยนอาร์กิวเมนต์แรก (Text) และแทนที่อักขระที่ไม่ใช่อัลฟาทั้งหมดที่มีอักขระช่องว่างจากนั้นจะเพิ่มพื้นที่ชั้นนำและตามรอยการขัดแย้งทั้งสอง ในที่สุดก็ใช้ฟังก์ชัน Instr เพื่อตรวจสอบว่าอาร์กิวเมนต์คำที่ถูกปรับเปลี่ยนเป็นปัจจุบันในการโต้เถียงข้อความที่ถูกปรับเปลี่ยน
เมื่อต้องการใช้ฟังก์ชันนี้ในสูตรเพียงคัดลอกและวางในโมดูล VBA ในสมุดงานของคุณ
Function ExactWordInString(Text As String, Word As String) As Boolean ' Returns TRUE if Word is contained in Text as an exact word match Dim i As Long Const Space As String = " " Text = UCase(Text) ' Replace non-text characters with a space For i = 0 To 64 Text = Replace(Text, Chr(i), Space) Next i For i = 91 To 255 Text = Replace(Text, Chr(i), Space) Next i ' Add initial and final space to Text & Word Text = Space & Text & Space Word = UCase(Space & Word & Space) ExactWordInString = InStr(Text, Word) <> 0 End Function

* อัพเดท *
Excel MVP ริค Rothstein ส่งฉันฟังก์ชั่นที่ง่ายมากที่ผลิตเดียวกันผล ในความเป็นจริงนั้นจะใช้เพียงหนึ่งคำสั่ง:
Function ExactWordInString(Text As String, Word As String) As Boolean
ExactWordInString = " " & UCase(Text) & " " Like "*[!AZ]" & UCase(Word) & "[!AZ]*"
End Function
Posted by netdesign On 00:30 No comments READ FULL POST

การแทรกของ Excel - คำสั่งช่วยให้คุณสามารถแสดงความคิดเห็นใส่คำอธิบายประกอบของเซลล์โดยการพิมพ์ความคิดเห็นเมื่อความถูกสร้างขึ้นคุณสามารถเปลี่ยนการจัดรูปแบบของมัน การทำเช่นนี้คลิกขวาที่เซลล์และเลือกแก้ไขความเห็นจากเมนูทางลัด เมื่อความปรากฏขึ้นให้คลิกที่ใดก็ได้บนเส้นขอบของมันเพื่อเลือกวัตถ​​ุความคิดเห็นทั้งหมด ตอนนี้คุณสามารถใช้ปุ่มแถบเครื่องมือมาตรฐานในการเปลี่ยนแบบอักษร, ขนาดตัวอักษรหรือสี
เมื่อต้องการเปลี่ยนการจัดรูปแบบเริ่มต้นของความเห็นมือถือของคุณ (ดังนั้นคุณไม่ต้องทำซ้ำขั้นตอนที่ในแต่ละครั้ง), คุณต้องออกไปข้างนอก Excel และใช้จอแสดงผลของ Windows กล่องโต้ตอบการตั้งค่า โดย Excel จะใช้การจัดรูปแบบที่กำหนดไว้สำหรับคำแนะนำเครื่องมือของ Windows '(ข้อความที่ปรากฏขึ้นเมื่อ hovers ตัวชี้ของคุณที่อยู่ใกล้ปุ่มแถบเครื่องมือ)
คุณสามารถเข้าถึงแสดงกล่องโต้ตอบการตั้งค่าจาก Control Panel หรือคุณสามารถคลิกขวาที่เดสก์ทอปและเลือก Properties เข้าแท็บ Appearance ของกล่องโต้ตอบ Display Properties และเลือกรายการที่คำแนะนำเครื่องมือจากนั้นคุณสามารถปรับเปลี่ยนแบบอักษรขนาดตัวอักษรสีพื้นหลัง, สีพื้นหน้าและคุณลักษณะหนาและตัวเอียง
หมายเหตุ: หากคุณใช้ Windows XP คุณต้องคลิกปุ่มขั้นสูงในแท็บ Appearance ของกล่องโต้ตอบ Display Properties นี้นำขึ้นลักษณะกล่องโต้ตอบขั้นสูงซึ่งคุณสามารถทำการเปลี่ยนแปลง
โปรดทราบว่านี้จะส่งผลกระทบต่อความคิดเห็นทั้งหมดที่ยังไม่ได้รับการจัดรูปแบบ ถ้าคุณได้ใช้อยู่แล้วการจัดรูปแบบการแสดงความคิดเห็น (ตัวอย่างเช่นเปลี่ยนสีพื้นหลัง), ความเห็นที่จะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนี้ 
Posted by netdesign On 00:27 No comments READ FULL POST

คุณลักษณะการจัดรูปแบบ Excel ของเงื่อนไข (มีอยู่ใน Excel 97 หรือรุ่นที่ใหม่กว่า) เสนอวิธีที่ง่ายต่อการใช้การจัดรูปแบบพิเศษไปยังเซลล์ถ้าเงื่อนไขโดยเฉพาะอย่างยิ่งจะได้พบกับ คุณลักษณะนี้เป็นประโยชน์มากขึ้นเมื่อคุณเข้าใจวิธีการใช้สูตรในการจัดรูปแบบสเปคของคุณตามเงื่อนไข
แผ่นงานด้านล่างจะแสดงผลการเรียนของนักเรียนเกี่ยวกับการทดสอบทั้งสอง นักเรียนไฮไลท์การจัดรูปแบบตามเงื่อนไขที่ได้คะแนนสูงขึ้นในการทดสอบที่สอง การจัดรูปแบบนี้เป็นแบบไดนามิก; ถ้าคุณเปลี่ยนคะแนนการทดสอบการจัดรูปแบบจะปรับโดยอัตโนมัติ
เมื่อต้องการใช้รูปแบบตามเงื่อนไขให้เลือกช่วง A2: C15 และเลือกรูปแบบการจัดรูปแบบตามเงื่อนไขการจัดรูปแบบกล่องตามเงื่อนไขโต้ตอบจะปรากฏขึ้นพร้อมกับสองกล่องใส่. ในกล่องแรกให้เลือกสูตรคือกดแท็บและป้อนสูตรต่อไปนี้:
  C2 = $ B2> $ 
คลิกรูปแบบและเลือกรูปแบบที่จะแยกแยะเซลล์ (เช่นใช้การแรเงาพื้นหลัง) คลิกที่ OK และการจัดรูปแบบจะถูกนำไปใช้
สูตรการจัดรูปแบบตามเงื่อนไขจะถูกประเมินสำหรับแต่ละเซลล์ในช่วง เคล็ดลับที่นี่คือการใช้การอ้างอิงเซลล์แบบผสม (อ้างอิงคอลัมน์ที่มีแน่นอน แต่การอ้างอิงแถวเป็นญาติ) เพื่อดูว่างานนี้เปิดใช้งานเซลล์ใด ๆ ภายในช่วงและเลือกรูปแบบการจัดรูปแบบตามเงื่อนไขเพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบสูตรการจัดรูปแบบที่มีเงื่อนไขสำหรับเซลล์ที่ คุณจะพบว่าเซลล์ A7 ตัวอย่างเช่นจะใช้สูตรนี้
  = $ C7> $ B7 
Posted by netdesign On 00:25 No comments READ FULL POST

บางชนิดของข้อมูลเช่นคำพูดที่ตลาดหุ้นปกติแสดงเป็นเศษส่วนทศนิยมไม่ ในการป้อนเศษส่วนใน Excel พิมพ์ตัวเลขทั้งหมด (หรือจํานวนเต็ม) ตามด้วยช่องว่างแล้วพิมพ์เศษส่วนโดยใช้เครื่องหมายทับ (เช่น 5/8) ถ้าคุณพิมพ์เพียงเศษเสี้ยว, Excel อาจตีความว่าเป็นวันที่ (ดังนั้นจึงอาจอ่าน 5/8 เป็น 8 พฤษภาคม) เพื่อหลีกเลี่ยงการตีความผิดนี้ให้ใส่ 0, พื้นที่และจากนั้นเศษ
เมื่อคุณป้อนค่าเศษส่วน, Excel อัตโนมัติจะใช้รูปแบบตัวเลขเศษส่วนที่ลดลงในส่วนที่เล็กที่สุดที่เป็นไปได้ ตัวอย่างเช่นถ้าคุณใส่ 16 2/8, Excel จะแสดงตัวเลขเป็น 16 1/4 ในบางกรณี แต่คุณจะต้องการเศษส่วนที่จะใช้ตัวหารร่วม ตัวอย่างเช่นคุณอาจต้องการค่า 16 2/8 ที่จะแสดงเป็น 16 4/16 เพื่อให้ได้ผลนี้ให้เลือกเซลล์ของคุณและเลือกรูปแบบเซลล์. แล้วเลือกแท็บตัวเลขและเลือกเศษส่วนจากรายการประเภท สุดท้ายเลือกรูปแบบตัวเลขที่ต้องการจากรายการชนิด
แผ่นงานด้านล่างจะแสดงตัวอย่างบางส่วนของตัวเลขที่แสดงเป็นเศษส่วน คอลัมน์ B แสดงให้เห็นตัวเลขที่ผลิตโดยใช้การจัดรูปแบบเริ่มต้นของ Excel คอลัมน์ C มีค่าเดียวกันรูปแบบเป็น 16ths
นอกจากนี้คุณยังสามารถแสดงข้อมูลบางส่วนโดยใช้จุดทศนิยม ตัวอย่างเช่นหมายเลข 9 4/​​16 จะปรากฏเป็น 9.04 ที่นี่ตัวเลขทางขวาของจุดทศนิยมแทน 16ths เมื่อต้องการแสดงค่าในรูปแบบนี้ใช้ Excel ของ DOLLARFR () ฟังก์ชัน มันใช้ได้เฉพาะเมื่อ Analysis ToolPak ให้มีการติดตั้ง (เลือกเครื่องมือ Add-ins จะติดตั้ง) DOLLARFR () ฟังก์ชันใช้เวลาสองขัดแย้ง: หมายเลขและจำนวนเต็มสำหรับตัวหาร สูตร = DOLLARFR (9.25,16) เ​​ช่นการส่งคืน 9.04
ฟังก์ชั่นนี้ยังเป็นประโยชน์สำหรับข้อมูลที่ nondollar ดังนั้นถ้าคุณทำงานกับเท้าและนิ้วที่คุณสามารถเป็นตัวแทน 11.5 ฟุตเป็น 11.06 (11 ฟุต 6 นิ้ว) โดยการใช้สูตรนี้:
  = DOLLARFR (11.5,12) 
ค่านั้นจะปรากฏเป็น "11 [ฟุต] 6 [นิ้ว]."
DOLLARFR () ฟังก์ชันสำหรับการแสดงผลเท่านั้น คุณไม่สามารถใช้ค่าที่มันจะส่งกลับในการคำนวณอื่น ๆ หรือในแผนภูมิ เพื่อทำการคำนวณค่าดังกล่าว reconvert ให้เป็นค่าทศนิยมโดยใช้ DOLLARDE () ฟังก์ชัน (ยังเป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ ToolPak) 
Posted by netdesign On 00:24 1 comment READ FULL POST

Onsite computer repair Ramkhamhaeng.














รับซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ นวมินทร์ เสรีไทย


ค่าแรง+ค่ารถ+ลงwinodws+โปรแกรมดูหนังฟังเพลง+office+antivirus 400 บาท
ปล. ให้บริการ เฉพาะเขตพื้นที่ รามคำแหง บางกะปิ นวมินทร์ เสรีไทย ลาดพร้าวเฉพาะ บริเวณ จากเดอะมอลบางกะปิถึงโชคไชย4


สนใจติต่อ : Tel. 083-792-5426





ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น


  • RSS
  • Delicious
  • Digg
  • Facebook
  • Twitter
  • Linkedin
  • Youtube

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก

Advertisement

Unordered List