วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555


ไม่ได้มีการเตรียมใจมาก่อนเลย เมื่อถึงวาระเวลาที่ทั้ง 5 หนุ่มนักร้องขวัญใจวัยรุ่นต่างต้องแยกย้าย พร้อมปิดฉากการเป็นศิลปินหนุ่มบอยแบนด์นาม “เค-โอทิค” อย่างถาวร ซึ่งสาเหตุหลักอันดับต้น ๆ นี้ เป็นเหตุมาจาก “จงเบ ปาร์ค” นักร้องหนุ่มสัญชาติเกาหลี ถึงเวลานับถอยหลังต้องเตรียมตัวตบเท้าเข้ากรมฯ เป็นทหารใหม่รับใช้แผ่นดินเกิดในช่วงเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ พร้อมกับความทรงจำที่ดีที่สุด จากโอกาสการเป็นศิลปิน “เค-โอทิค” ที่ “จงเบ” จะหอบหิ้วติดกลับไปให้คิดถึงและเป็นกำลังใจต่อไป และในวันนี้ “จงเบ” จะมาเปิดใจถึงความรู้สึกที่ผูกพันของหนุ่มชาวเกาหลีหัวใจไทยคนนี้
“เมืองไทย”

จำบรรยากาศที่มาเมืองไทยครั้งแรกได้ไหม?


“ครั้งแรกที่มาตอนนั้นผมอายุประมาณ 15-16 ปีได้ครับ ตอนนั้นมาถึงกรุงเทพฯ ก็ดึก ๆ แล้ว เวลาประมาณ 5 ทุ่มได้ มาครั้งแรกค่อนข้างตื่นเต้น นั่งอยู่บนรถ คนขับรถก็เปิดวิทยุอยู่ ผมเองก็งงเพราะฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องเลย ก็ไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกัน สลับกับมองออกไปข้างนอกรถ บรรยากาศโดยรอบมืดไปหมด แต่มีแสงไฟเยอะแยะเลย ก็รู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ เพราะเป็นการเดินทางไกลห่างจากบ้านเกิดที่ประเทศเกาหลีเป็นครั้งแรก ด้วยสาเหตุที่ผมเลือกมาเรียนโรงเรียนนานาชาติเมืองไทย เพราะที่นี่มีสถาบันการศึกษาค่อนข้างเยอะ คุณพ่อคุณแม่ผมเองก็อยากให้มาเรียนที่นี่ เพราะเขาก็ดูข้อมูลให้ และระยะทางไม่ห่างจากเกาหลีมากนัก เดินทางแค่ 5 ชั่วโมงเอง”

ก่อนมามองภาพหรือคาดหวังกับเมืองไทยไว้อย่างไร?

“ด้วยความไม่เคยเห็นเมืองไทยมาก่อน ผมเองก็ค่อนข้างที่จะตื่นเต้นมาก ๆ ครับ เคยได้ยินใคร ๆ พูดมานานแล้วว่า...ทะเลที่เมืองไทยมีอยู่เยอะมาก ๆ และแต่ละที่ก็สวยงามมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันด้วย จำได้ว่าแรก ๆ ที่มาเมืองไทย ผมแอบไปเที่ยวทะเลเป็นที่แรก ๆ เลย ไปใกล้ ๆ พัทยา ตื่นเต้นมากเดินทางแค่ชั่วโมงก็เห็นทะเลแล้ว ค่อนข้างประทับใจ และผมก็ค่อย ๆ ศึกษาและเรียนรู้ ปรับตัวกับวัฒนธรรมไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ค่อนข้างประทับใจและคิดว่าไม่ผิดหวังที่เดินทางมาที่นี่จริง ๆ ครับ เพราะผมได้อะไรหลาย ๆ อย่าง และเติบโตมาจากที่นี่จริง ๆ”

ตั้งใจมาเรียนหนังสือที่เมืองไทยเป็นอันดับแรก แล้วเริ่มต้นมาเป็นศิลปินได้อย่างไร?

“ผมมาเรียนหนังสือที่เมืองไทย เวลาว่างหลังเลิกเรียน ผมก็มาพักผ่อนเที่ยวเล่นกับเพื่อน ๆ ตามปกติครับ ก็มาเดินเล่นที่สยาม จู่ ๆ ก็มีคนมาแนะนำตัวกับผมและกลุ่มเพื่อน ๆ ว่า...ทำงานฝ่ายแคสติ้ง มาชวนให้ผมไปออดิชั่น ทดสอบการเป็นนักร้องดู ซึ่งตั้งแต่แรกเริ่มเลยผมไม่ได้คิดจริงจังกับการเป็นศิลปินร้องเพลงในทางนี้ เลย แต่โดย
พื้นฐานครอบครัวของผม ทางคุณพ่อคุณแม่ก็คอยสนับสนุน และผมก็เป็นคนที่ชอบร้องเพลงอยู่แล้ว และเล่นดนตรีเปียโนเป็นตั้งแต่ 5 ขวบ

ซึ่งผมเองก็เคยไปลองออดิชั่นค่ายเพลงเกาหลี เอ็นเอ็มทาวน์ ที่เขามาเปิดออดิชั่นที่เมืองไทยมาก่อน ซึ่งตอนนั้นติดในรอบ 7 คนสุดท้าย จากคนสมัครกว่าพันคน ซึ่งตอนนั้นผมเองก็ภูมิใจมาก ๆ แล้วที่ทดสอบตัวเองจนมาได้ถึงขนาดนี้ และก็ไม่คิดเหมือนกันหลังผ่านเหตุการณ์นั้นมาแค่ 1 สัปดาห์ ก็ได้รับข่าวดี ในการผ่านการออดิชั่นกับค่ายกามิกาเซ่ จนกลายมาเป็น 1 ใน 5 สมาชิกของวงเค-โอทิค ในที่สุดครับ”

“เค-โอทิค”

ความรู้สึกจากการเป็น “เค-โอทิค” ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา?


“ผมเริ่มต้นมาเป็นศิลปินฝึกหัดกับค่ายกามิกาเซ่ได้ประมาณ 1 ปีกว่า ๆ กว่าทุกอย่างจะลงตัวและมาเป็นศิลปิน “เค-โอทิค” ในที่สุดผ่านการเรียนและฝึกซ้อมเรื่องการเต้นและการร้องเพลงมาอย่างหนัก ผ่านความสนุกสนาน-ท้าทาย-ท้อถอย ฯลฯ มาก็เยอะ แต่หลายๆ ครั้งผมเองก็รู้สึกภูมิใจที่ผมได้มาเป็นนักร้อง มีแฟนเพลงมาให้กำลังใจผมและเพื่อน ๆ ไม่ว่างานไหน ๆ งานเล็ก หรืองานใหญ่ ทุก ๆ เวที ทุกงานต่างมีความสำคัญสำหรับผม ที่สำคัญผมเป็นนักร้องชาวเกาหลีที่ทำงานร้องเพลงในประเทศไทย ผมรู้สึกว่าผมโชคดีมาก ๆ เพราะเท่าที่รู้มาไม่เคยมีชาวเกาหลีคนไหนได้โอกาสดี ๆ อย่างนี้มาก่อน ที่เมืองไทยผมรู้สึกซาบซึ้งในความรักและน้ำใจที่ดี ๆ จากแฟนเพลงทุกคน เพราะผมเองก็ไม่คิดมาก่อนว่า...ผมจะได้รับกำลังใจและการตอบรับที่ดีจากแฟน เพลงคนไทยที่ต่างเชื้อชาติจากผมดีขนาดนี้ เพราะที่ประเทศเกาหลีค่อนข้างอนุรักษนิยม คนเกาหลีจะคอยรักและสนับสนุนศิลปินคนเกาหลีของเขามากกว่าชาวต่างประเทศที่ไป ทำงานที่ประเทศของเขา ด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่าง รวมไปถึงเรื่องของภาษาที่สื่อสารไม่เข้าใจ ผมถึงได้บอกไงครับ ว่า...ผมโชคดีจริง ๆ (อมยิ้ม)”

“เค-โอทิค” กำลังเดินทางไปได้ด้วยดีเพราะแฟนเพลงให้การสนับสนุน แต่กลับมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในภารกิจการเกณฑ์ทหาร?

“แม้การเป็นทหารไม่ได้เป็นความฝันของผม แต่มันก็เป็นหน้าที่สำคัญในชีวิตของลูกผู้ชายทุกคนครับ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เป็นชาวเกาหลี แต่เป็นคนเชื้อชาติไทย สัญชาติไทยจริง ๆ ผมเป็นผู้ชายก็ต้องได้รับภารกิจนี้ ที่เป็นสิ่งที่เราควรรับผิดชอบอยู่แล้ว โดยการเป็นทหารของผู้ชายเกาหลีจะต้องถูกเรียกหมายเกณฑ์ตั้งแต่อายุประมาณ 19-20 ปีครับ แต่ผมติดภารกิจเรื่องเรียนก็ได้มีการผัดผ่อนมาเรื่อย ๆ ตอนนี้ผมเองก็เรียนจบในระดับปริญญาตรีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็อยากจะทำหน้าที่ที่ค้างคานี้ให้เต็มที่”

“กลับบ้าน”

ความรู้สึกในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างที่กำลังจะกลับประเทศเกาหลีไปรับใช้ชาติแล้ว?


“มันมีหลาย ๆ ความรู้สึกครับ ทั้งตื่นเต้น และทั้งเป็นกังวล เพราะผมเองก็ห่างจากประเทศเกาหลีไปนาน ยังไม่รู้ว่า...จะต้องเจออะไร จะต้องฝึกอะไร ก็คงต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติมจากเพื่อน ๆ ชาวเกาหลีที่เขาเคยเข้ารับเกณฑ์ทหารไปก่อนหน้านี้ แต่เท่าที่คิดไว้ก็คงสนุกดีครับ เพราะการไปทำหน้าที่ทหารในครั้งนี้ ผมมีจุดมุ่งหมาย นอกจากจะไปทำหน้าที่ลูกผู้ชายชาวเกาหลีที่ควรจะทำแล้ว ผมอยากจะไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ อยากจะไปฝึกฝนตัวของผมเองด้วย อยากจะฝึกทำให้ตัวเองมีวินัยมากขึ้น มีจิตใจที่เข้มแข็งพร้อมที่จะเป็นผู้ใหญ่ให้มากขึ้นด้วย โดยผมก็คาดหวังต่อไปถึงการไปฝึกการวิ่งได้ออกกำลังกาย จะได้กลับไปมีกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นอีกครั้ง เพราะผมอยากเป็นผู้ชายตัวใหญ่ ๆ ครับ (หัวเราะ) ตอนนี้พยายามทำอยู่”

21 เดือนในการเข้ากรมทหารที่ประเทศเกาหลี สำหรับ “จงเบ” คิดว่านานไปไหม?

“(หัวเราะ) ถามอย่างนี้เลยนะ ก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ ว่า...นานไปหรือเปล่า??? แต่คงจะนาน
แหละ เพราะในความรู้สึกผมเองก็ไม่เคยเป็นทหารมาก่อนคงเป็นบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคย และต้องมีการเรียนรู้และปรับตัวอยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมาผมเองก็ไม่ได้ถูกฝึกให้เป็นทหารมาก่อน แต่ถ้าให้เปรียบเทียบ 21 เดือน กับการเป็นศิลปิน เค-โอทิค สำหรับผม คงจะเป็นการตอบที่ง่ายกว่านะ เพราะผมรู้สึกว่า...วัน-เวลาสำหรับการได้เป็นศิลปิน เค-โอทิค มันเร็วมาก ๆ เพราะผมเองก็ได้โอกาสได้ทำหลาย ๆ อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากที่ไหน ผมอยู่เมืองไทยมาตั้งแต่อายุ 15 ตอนนี้อายุ 23 แล้ว รู้สึกวันเวลาผ่านไปเร็วมาก ๆ ด้วยความสุข ความรู้สึกดี ๆ ครับ”

“รับใช้ชาติ”

นับเวลาถอยหลัง ก่อนที่จะเดินทางไปเป็นทหาร “จงเบ”  มีแผนการอะไรบ้าง?


“ผมเองก็อยากใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดครับ อย่างคอนเสิร์ต “เค-โอทิค เดอะ เมมโมรี่ คอนเสิร์ต” ผมกับเพื่อน ๆ เค-โอทิค ก็พยายามใช้เวลาอยู่ร่วมกันให้มากที่สุดครับ ในคอนเสิร์ตและการทำหน้าที่ศิลปินครั้งสุดท้ายของพวกเราแล้ว ฝึกซ้อมร้องเพลง-ซ้อมเต้น เข้ายิมเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงที่สุด ผมพยายามใช้เวลาในการเป็นศิลปินที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่าที่สุดครับ เพราะอยากให้แฟนเพลงประทับใจและมีความสุขที่สุดกับคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของ พวกเรา ถือเป็นคอนเสิร์ตใหญ่สำคัญของพวกเราที่อยากให้เกิดขึ้นและไม่อยากให้เกิด ขึ้นในเวลาเดียวกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งใจหาย แต่ก็เป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันที่ผมและเพื่อน ๆ อยากทำให้เต็มที่มากที่สุดครับ”

“แฟนคลับ”

บอกได้ไหมว่า...ประทับใจแฟนเพลงคนไทยมาก-น้อยขนาดไหน?

“มาก ๆ ครับ พวกเขาเป็นกำลังใจที่สำคัญ และให้กับผมมาตลอด คอยเอาใจใส่และรักผม ตั้งแต่ผมยังไม่ได้เป็นศิลปินด้วยซ้ำ ถึงผมกลับไปเกาหลีจริง ๆ ผมไม่มีทางลืมทุกคนที่นี่ได้แน่ ๆ และคงคิดถึงทุก ๆ คนที่นี่นี่แหละ เพราะผมประทับใจประเทศไทยและคนไทยหลาย ๆ อย่าง คนไทยน่ารัก นิสัยดี อัธยาศัยดี เพื่อน ๆ แฟน ๆ เพลงที่นี่ ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น และเป็นคนพิเศษคนหนึ่งของที่นี่ ต้องขอขอบคุณมาก ๆ ครับ หวังว่า...ทุกคนจะไม่ลืมผมนะ (หัวเราะ) เพราะไม่นานหรอก ผมจะต้องกลับมา”
  
หลังจากจบภารกิจการเข้าประจำการเกณฑ์ทหาร คาดหวังหรือมีแผนการไว้อย่างไร?

“ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ ว่า...เสร็จจากการเป็นทหารแล้วผมจะเลือกทำอะไร เพราะเวลาอีกตั้งนาน อีก 21 เดือนเชียว ผมอาจจะเลือกไปเรียนต่อที่ประเทศแถบยุโรปเกี่ยวกับการโรงแรมเลยหรือเปล่า??? เพราะตอนนี้ผมก็เรียนจบแล้ว ตอนฝึกงานโรงแรมเอง ผมก็ได้โอกาสเรียนรู้และทำให้ผมรู้ว่า ผมสนุกและชอบงานด้านนี้มาก ๆ หรืออีกแผนอาจจะกลับมาทำงานในวงการบันเทิง ซึ่งถึงตอนนั้นผมอาจจะไม่ได้กลับมาเป็นนักร้องแล้วก็ได้ เพราะลึก ๆ ความชอบและความฝันของผม ผมสนใจในเรื่องของการเป็นนักแสดงด้วย ก็อยากที่จะตั้งใจลองทำดูสักครั้ง รวมถึงความฝันสำคัญในชีวิต กับการทำธุรกิจโรงแรมริมทะเล ในบรรยากาศธรรมชาติที่สวยงาม ใช้ชีวิตอยู่บนเกาะ อยู่กับน้ำทะเล บรรยากาศดี ๆ ถึงเวลานั้นจริง ๆ เมื่อความฝันของผมเป็นไปได้ ผมก็คงมีความสุขน่าดู (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ขอได้แต่ฝันไปก่อนครับ เพราะผมยังมีหน้าที่ ยังต้องรวบรวมเก็บเงินสะสมไว้อีกเยอะครับ กว่าที่ความฝันจะเป็นรูปเป็นร่างได้”

ทิ้งท้ายฝากถึงคอนเสิร์ตครั้งสุดท้าย “เค-โอทิค เดอะ เมมโมรี่ คอนเสิร์ต” อีกครั้ง

“ผมอยากจะเป็นตัวแทนเพื่อน ๆ “เค-โอทิค” ฝากถึงคอนเสิร์ต “เค-โอทิค เดอะ เมมโมรี่ คอนเสิร์ต” ครับ คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งนี้ จะเป็นคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายที่พวกเราเค-โอทิคและแฟนเพลงจะได้ใกล้ชิดกันมาก ที่สุดกว่าที่เคยมีมา เป็นคอนเสิร์ตพิเศษที่จะรวบรวมทุก ๆ บทเพลงของเค-โอทิค ที่พวกเราจะชวนทุก ๆ คน ในวันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคมนี้ ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ไปร่วมร้องเพลงด้วยกัน ให้เป็นอีกหนึ่งความทรงจำดี ๆ ที่จะทำให้พวกเราได้คิดถึงกันไปอีกนาน ๆ ขอบคุณนะครับ ที่ทุก ๆ คนรักและมีน้ำใจกับพวกเราเสมอมา ไปเจอกันให้ได้นะครับ”

แหม...เรียกว่าใจหายกันมากทีเดียวสำหรับการจากลาของหนุ่มคนนี้ แต่คนเราเกิดมาทุกคนย่อมต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบ และในวันนี้ “จงเบ” ทำหน้าที่เหล่านั้นได้ดีที่สุดแล้ว.
กาญจนา สิทธิเม่ง รายงาน
Posted by netdesign On 05:07 No comments

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Onsite computer repair Ramkhamhaeng.














รับซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ นวมินทร์ เสรีไทย


ค่าแรง+ค่ารถ+ลงwinodws+โปรแกรมดูหนังฟังเพลง+office+antivirus 400 บาท
ปล. ให้บริการ เฉพาะเขตพื้นที่ รามคำแหง บางกะปิ นวมินทร์ เสรีไทย ลาดพร้าวเฉพาะ บริเวณ จากเดอะมอลบางกะปิถึงโชคไชย4


สนใจติต่อ : Tel. 083-792-5426





ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น


  • RSS
  • Delicious
  • Digg
  • Facebook
  • Twitter
  • Linkedin
  • Youtube

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก

Advertisement

Unordered List